|
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Crotalaria juncea |
|
|
ลักษณะทั่วไป |
ขนาดลำต้นสูง 150 - 170 ซม.ลำต้นตั้งตรงแตกกิ่งก้านสาขามาก ดอกสีเหลือง
จะออกดอกเมื่ออายุประมาณ 45-50 วัน สามารถขึ้นได้ดีในพื้นที่ดอน มีการ
ระบายน้ำดี ชอบอากาศร้อนช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสมในฤดูฝนควรปลูกปลายฤดูฝน
เพื่อให้ปอเทืองแก่พร้อมกันในฤดูแล้ง
|
|
|
วิธีการปลูก |
ปลูกโรยเป็นแถว ระหว่างแถว 80-100 ซม.หรือปลูกเป็นหลุมใช้ระยะปลูก
50x100 หลุมละ 1-3 ต้น |
|
|
อัตราเมล็ดที่ใช้ปลูก |
การปลูกแบบหว่านเพื่อไถกลบใช้เมล็ดประมาณ 3-5 กิโลกรัมต่อไร่
ปลูกเป็นหลุมใช้เมล็ด 2-4 กิโลกรัมต่อไร่ |
|
|
การดูแลรักษา |
จะทำการถอนเพื่อจัดระยะปลูกเมื่ออายุ 2-3 สัปดาห์ ต้องพรวนดินกลบโคน
และกำจัดวัชพืช ใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 20 ถึง 30 กิโลกรัมต่อไร่ พ่นยา
กำจัดเชื้อรา และแมลงศัตรูพืช อาจมีการพ่นปุ๋ยทางใบ และสารควบคุมการ
เจริญเติบโตของพืชในช่วงออกดอกติดฝัก เช่นปุ๋ย 10-52-17 และ NAA
ความเข้มข้นประมาณ 100-200 ppm. อาจจะเพิ่มผลผลิตถึง 150-200 กิโลกรัมต่อไร่
ในระยะเก็บเกี่ยว หากมีฝนซึ่งมักจะตกในช่วงระหว่างฤดูหนาวกับฤดูแล้ง
ทำให้ฝักปอเทืองขึ้นรา ดังนั้นจึงควรเก็บให้ทันอย่าให้ถูกฝน |
|
|
การใช้ประโยชน์ |
- เพื่อใช้เป็นปุ๋ยพืชสด ควรทำการไถกลบในช่วงเวลาออกดอกหรือก่อนออกดอกเล็กน้อย ที่อายุประมาณ 50 วัน
ให้น้ำหนักสดประมาณ 1.5- 5 ตันต่อไร่ ให้ธาตุไนโตรเจนประมาณ 8.7 ถึง 28.9 กิโลกรัมต่อไร่
- เพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ อายุ 120 - 150 วัน ผลผลิตโดยทั่วไป 80 กิโลกรัมต่อไร่ หากความชื้นในดินสูงอาจใช้เวลา 150 - 180 วัน
เปลือกของฝักจะเป็นสีเทา นำมาตากแดด 3- 4 วัน กระเทาะเอาเมล็ดเก็บไว้
- ใช้ในระบบการปลูกพืชหมุนเวียน และระบบการปลูกพืชแซม
- ใช้ลำต้นของปอเทืองเป็นอุตสาหกรรมทำเยื่อกระดาษ ทำให้เพิ่มรายได้ให้แก่กสิกรอีกทางหนึ่งด้วย
|
|
|
ปริมาณธาตุอาหารที่ได้ |
หลังจากไถกลบแล้ว 45 วัน ก็จะสลายตัวสมบูรณ์ หลังจากนั้นก็ปลูกพืชหลักตามได้
ปอเทืองจะมีเปอร์เซ็นต์ของไนโตรเจน,ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมคือ 1.98 , 0.30 และ 2.41 ตามลำดับ |
|
|
|
|
|
|